
“ เมื่อก่อนหนูอายมากเลยนะที่จะต้องบอกกับเพื่อนว่าบ้านหนูอยู่ในสลัมดวงแข (ชุมชนวัดดวงแข )ไม่อยากให้เพื่อนมาที่บ้าน ตอนนี้เพื่อนๆไม่เพียงแค่มาที่บ้านหนู แต่ยังมาช่วยหนูพัฒนาชุมชน อีกด้วย”
จากน้องบิว (ศิริรัตน์ หนูทิม) เด็กในชุมชนแออัดเมืองที่ไม่เคยมีความรู้สึกภาคภูมิใจตนเอง ไม่มีความภาคภูมิใจในที่อยู่ของตนเอง มีชีวิตอยู่ไปวันๆไม่มีเป้าหมายในชีวิต กลายเป็นแกนนำเยาวชนชุมชนวัดดวงแข ที่มีความภาคภูมิใจ ภูมิใจรักในชุมชนแออดัดที่ตนเองอยู่ มีเป้าหมายที่ชัดเจน และมีความมุ่งมั่นที่อยากจะไปให้ถึงฝัน แกนนำเด็กหลักที่สร้างการเปลี่ยนแปลงชุมให้กับชุมชนแออัด กลายเป็นพื้นที่สร้างสรรค์สำหรับเด็กเยาวชนและชุมชน เป็นคนที่ลุกขึ้นมาบอกใครๆเรื่องปัญหาชุมชนตนเอง เชิญชวนผู้คนมาร่วมช่วยพัฒนาชุมชน สร้างรายได้ให้กับพ่อค้าแม่ค้าในชุมชน สร้างความรู้สึกรักชุมชนให้ผู้คนในชุมชน บิวเล่าว่า
“ ตอนเด็กๆ ก็เข้ามาเล่น และทำกิจกรรมที่บ้านพัก ( ศูนย์ดวงแข มูลนิธิเพื่อการพัฒนาเด็ก ) บ่อยๆ แต่ก็เข้าบ้างไม่เข้าบ้าง เวลาบ้านพักมีกิจกรรมที่ไหนก็จะได้ไปกับป้าหมี ป้าติ๋ม หยก
ต้องยอมรับว่าช่วงเวลานั้น ไม่คิดว่าชีวิตจะเป็นอย่างไรต่อ ไม่ได้มีเป้าหมายในชีวิตว่าจะเรียนต่อ
ม.ปลายสายอะไร จะเรียนต่อมหาวิทยาลัยไหม หนูยังไม่รู้เลยว่า ชีวิตหนูจะทำไงต่อ แม่ให้เรียนก็เรียน ถ้าไม่ให้เรียนก็ออกมาทำงาน”
จนบิวได้ไปเข้าค่ายสื่อสารสร้างสรรค์ ในค่ายบิวได้เรียนรู้ศิลปะหลายอย่าง ร่วมทั้งการสื่อสารด้วย บิวก็เริ่มรู้แล้วว่าเราสนใจเรื่องอะไร พอพี่จากมพด.มาอบรมทำหนังสั้นให้ ต้องทำหนังสั้นเผยแพร่เรื่องราวในชุมชนดวงแข บิวได้เป็นผู้กำกับ ต้องทำทุกอย่าง ได้จับกล้อง ซึ่งมันก็ดูจะไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับเด็กในเมืองที่ได้จับกล้อง แต่สำหรับตัวบิวเอง การที่บิวได้จับกล้องได้ถ่ายรูป บิวรู้สึกดี รู้สึกชอบ ผลงานของเราถูกนำไปให้คนภายนอกได้ดู ก็รู้สึกดีใจแล้ว หลังจากนั้นเวลา มพด.มีกิจกรรมอะไรหรือต้องไปอบรมที่ไหนก็จะอยากไปกว่าเมื่อก่อน
แต่ที่บิวคิดว่า สิ่งที่ทำให้บิวมีเป้าหมายในชีวิต ทำให้บิวรู้ว่าบิวอยากจะเป็นอะไร ก็คือ การที่ได้ผลิตสื่อกับพี่ๆ เพราะพี่คอยสอน คอยบอก ติชม ภาพที่บิวถ่าย เหมือนมีที่ปรึกษา
นอกจากหนังสั้นแนะนำชุมชนวัดดวงแขแล้ว บิวและแกนนำเยาวชนยังผลิตสื่ออีกหลายอย่าง เช่น โบชัวร์แผนที่เรืองยิ้ม เป็นแผนที่แนะนำร้านอร่อยในย่านรองเมือง ซึ่งบิวและเด็กๆในชุมชนช่วยกันผลิต เริ่มตั้งแต่สำรวจร้านอาหารที่ สะอาด อร่อย และถูก เด็กๆสามารถไปซื้อมารับประทานได้ หลังจากนั้นก็ช่วยกันออกแบบจนสำเร็จ เป็นสื่อที่ภาคภูมิใจของเด็กๆและผู้ใหญ่ในชุมชนวัดดวงแข
บิวเหมือนเด็กวัยรุ่นเมืองทั่วไป ที่มีความคิดเป็นของตัวเอง แต่ไม่ค่อยแสดงความคิดเห็นออกมา ไม่ค่อยชอบอธิบาย อาจจะเป็นเพราะกลัวพูดออกมาแล้วคนอื่นจะไม่เข้าใจ แต่ด้วยทุกครั้งที่ได้เข้าร่วมกิจกรรม บิวต้องถูกให้ออกมานำเสนอหรือแลกเปลี่ยนความคิดเห็นตลอด จึงเป็นเสมือนเวทีให้บิวได้แสดงความคิดเห็นของตนเอง และได้ฝึกตนเองไปโดยไม่รู้ตัว ตอนนี้บิวเด็กที่ความคิดดีแต่ไม่ยอมพูด กลายเป็นแกนนำเยาวชนที่ถ่ายทอดเรื่องราวของเด็กชุมชนแออัดในเมืองที่ออกมาจากความเข้าใจให้คนภายนอกได้รับรู้ บิวเคยบอกว่า
“การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับเด็กหญิงคนหนึ่งซึ่งไม่เคยนึกถึงเป้าหมายในชีวิต กลายมาเป็นคนที่มุ่งมั่นตามฝันของตนเอง กลายมาเป็นเด็กที่กล้าบอกเล่าเรื่องราวชุมชนแออัดที่ตนอาศัย กลายเป็นต้นแบบของเด็กๆในชุมชน การเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่นี้เกิดขึ้นได้จากการเปิดพื้นที่เล็กๆของสังคมให้เขาได้มีจุดยืน ให้เขาได้มีตัวตน”
“เพราะช่วงเวลาดีๆ จะเป็นต้นทุนดีๆในใจเด็ก ในยามที่เขาเข้าสู่ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ ต้องเผชิญปัญหา ตามลำพัง ภาพประทับจะเป็นต้นทุนเชิงบวกให้กับเด็กๆ” กลุ่มไม้ขีดไฟ และเครือข่ายเขาใหญ่ดีจัง ร่วมกับอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ชวนคุณและครอบครัว พาลูกๆหลานๆ ออกมาร่วมกิจกรรม เขาใหญ่ดีจังคราฟต์ 25-26 กพ.60 นี้ ณ ลานหญ้า หน้าศูนย์บริการนักท่องเที่ยว อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ มากมายกิจกรรมลานงานทำมือ ที่จะชวนคุณใช้เวลาร่วมกัน ศิลปะ ระบายสี ปั้น ตัดวาด เพื่อการเรียนรู้สิ่งแวดล้อม พบกัน 10.00-16.30 น. *พกกระติกน้ำ พกถุงผ้า ช่วยลดขยะในอุทยาน รบกวนเพื่อนพี่น้องๆแชร์ วนๆไป ให้คนทั้งไทยได้รู้ว่า งานดีๆ งานฟรีๆ มีอยู่จริง ติดตามความเคลื่อนไหวได้ที่ https://web.facebook.com/maikeedfaigroup
“ ถึงแม้ว่าเราจะอยู่ในสลัม แต่อย่าให้ใครเรียกเราไอ้เด็กสลัม ” ป้าหมีบอกกับเด็กๆในชุมชนเสมอ ป้าหมีมีอาชีพขายเร่ขายเสื้อผ้าเด็กในสถานีรถไฟหัวลำโพง เริ่มต้นการทำงานเพื่อเด็กในชุมชน ด้วยการเป็นแม่บ้านทำความสะอาดศูนย์ดวงแข ( ศูนย์การการเล่นและกิจกรรมพัฒนาเด็ก ) ทุกวันป้าหมีเห็นปัญหาของเด็กๆที่เข้ามาเล่นและทำกิจกรรมที่ศูนย์ฯ ซึมซับการทำงานพัฒนาเด็ก ป้าหมีรู้สึกว่าตนเองอยู่ไม่ได้แล้วต้องช่วยเด็กๆ พ่อแม่เด็กต้องรับรู้ถึงพฤติกรรมที่ก้าวร้าว และช่วยกันแก้ไข ป้าหมีก้าวเข้ามาเป็นอาสาสมัครดูแลการเล่นและจัดกิจกรรมพัฒนาเด็กเติมตัว เด็กๆมี พัฒนาการที่ดีอย่างเห็นได้ชัด ชุมชนเริ่มให้ความร่วมมือ ถึงแม้ว่าป้าหมีจะมีปัญหาชีวิตครอบครัวที่หนักหน่วงมามาก ชุมชนหลายคนไม่เข้าใจด่าทอป้าหมี “ ตัวเองก็จะเอาไม่รอด ดูแลลูกของตัวเองให้ดีเถอะ ค่อยมายุ่งเรื่องของคนอื่น” ป้าหมีเหนื่อยใจแต่ไม่เคยคิดจะหยุดทำงาน จากการทำงานในศูนย์ป้าหมีเป็นผู้เชื่อมโยงข้อมูลเด็กสู่ชุมชน ข้อมูลชุมชนเพื่อการพัฒนา ป้าหมี ไม่ทำงานแค่ในศูนย์ ดึกดื่นเที่ยงคนก็ไม่นอนเพราะต้องสอดส่องดูแลเด็กๆในชุมชน ใช้ห้องพักขนาด 3 x 3ม. ที่เรียนว่าบ้านเป็นที่พักพิงให้เด็กที่หนีออกจากบ้าน เด็กมีปัญหากับครอบครัว และเป็นที่ให้คำปรึกษาเด็กๆที่ทุกร้อนใจ มีปัญหา “ พี่เป็นเด็กครอบครัวแตกแยก พี่เข้าใจจิตใจเด็กๆดี” “ ไฟไหม้ชุมชนหลายครั้งไม่เคยมีใครช่วยเราได้เลย วัดก็ให้พวกเราไปนอนหน้าเมรุ ดูอนิจอนาถอนาถาเหลือเกิน ” ป้าหมีพูดทั้งน้ำตาทุกครั้งเมื่อนึกถึงเหตุการณ์นั้น […]
มูลนิธิเพื่อการพัฒนาเด็ก ร่วมกับชุมชนวัดดวงแข เตรียมจัดงาน “มหกรรมรองเมืองเรืองยิ้ม” ซึ่งคราวนี้มาในตอน “เรื่องกินเรื่องใหญ่” นำเสนอการทำงานพัฒนาเด็กและวิถีชุมชนภายใต้เรื่องราวของอาหารการกินอยู่ ที่แสดงให้เห็นวัฒนธรรม วิถีชีวิตที่ผสมผสานกันอย่างลงตัว พบกับกิจกรรม work shop อาหารวัฒนธรรม ,ทัวร์ชมชุมชน ,การแสดงเด็ก ,ร้านอาหารชุม ,ชมแลนด์มาร์ครองเมือง ++ พบกันวันที่ 2 เมษายน 2560 เวลา 15.00-19.00 น. ณ ถนน รองเมือง ศูนย์พัฒนาเด็กดวงแข ติดตามความเคลื่อนไหว้ที่ https://www.facebook.com/iamchildpage/
อะไรกันหนอ “นักสื่อสารชุมชน” เรียกกันง่ายๆ ก็คือ “นักข่าวชุมชน” นั่นเอง กิจกรรมนี้ต้องใช้ความร่วมมือจากนักจัดการบวนการการสื่อสารเพื่อการเปลี่ยนแปลง เช่น คณะนิเทศน์ศาสตร์ นักข่าวพลเมืองของไทยพีบีเอส หรือ คนมีความรู้ด้านสื่อสารมวลชน เข้าไปร่วมจัดกิจกรรมให้กับ นักสื่อสารชุมชน ขอยกตัวอย่างชุมชนบ้านโซงเลง ต.หนองม้า จ.ศรีสะเกษ ซึ่งจัดการบวนการโดยมูลนิธิเพื่อการพัฒนาเด็ก ที่ชวนกลุ่มเยาวชน ออกมาร่วมทำกิจกรรม ดึงเยาวชนออกจากร้านเกมและอบายมุกต่างๆ ให้เรียนรู้การสื่อสารทั้งการทำหนังสั้น สารคดี การทำสตอรี่บอร์ด การใช้กล้อง การตัดต่อ จนเป็นข่าวให้กับนักข่าวพลเมืองของสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส กระบวนการเรียนรู้ให้เกิด Somebody การได้ร่วมเรียนรู้ด้วยกันของเยาวชน ทำให้เกิดการเข้าสังคม และเรียนรู้การรับฟังผู้อื่น ได้ออกสืบเสาะหาของดี และเรื่องราวต่างๆในชุมชน การลงพื้นที่ทำให้ร่างกายได้ขยับ เป็นการออกกำลังกายอย่างหนึ่งและช่วยสร้างสัมพันธ์อันดีต่อกันของคนชุมชน เกิดการพบปะ พูดคุย เรียนรู้ในวิถีและอาชีพที่แตกต่างๆ สื่อสารเรื่องราวดีๆ ทั้งวิถีและวัฒนธรรมให้สังคมภายนอกได้รับรู้ เช่นการสื่อสารวิถีชีวิตการหาปลาของคนในชุมชน เยาวชนต้องออกเดินทางติดต่อกับกลุ่มผู้เฒ่าผู้แก่ ให้สาธิตการหาปลา ขึ้นรถ ลงเรือ เพื่อจะถ่ายทำเพื่อสื่อสารเรื่องราวออกไป การออกมาจากร้านเกม ถือเป็นการออกจากภาวะการเนื่องนิ่ง ได้ใช้ความคิด วางแผน ทดลองทำ เรียนรู้ถูกผิด และเยาวชนเองก็จะเกิดความภูมิใจเมื่อได้รับการยอมรับจากชุมชน และได้ทบทวนค้นหาตัวเองว่าชอบและถนัดอะไร […]